ภัยแล้งห้วงน้ำขาวใกล้วิกฤต น้ำในสระใกล้หมด วอนขอฝนเทียมช่วย
ภัยแล้งห้วงน้ำขาวใกล้วิกฤต น้ำในสระใกล้หมด ชาวสวนจ้างเจาะบาดาล หาน้ำรดต้นทุเรียน วอนขอฝนหลวงช่วย หากน้ำไม่มีปล่อยทุเรียนตาย ด้านอบต.ห้วงน้ำขาวและชลประทานเร่งแจกจ่ายน้ำให้ชาวสวน
(14 มีนาคม 2566) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความแห้งแล้งในพื้นที่ตำบลห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด ภายหลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 5 เดือน ส่งผลให้สระน้ำหมู่บ้านและบ่อน้ำของเกษตร ระดับน้ำเหลือใช้ไม่ถึง 1 เดือน หากไม่มีฝนตกลงมา จะทำให้พืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนที่กำลังจะตัดขายได้ในปลายเดือนนี้ได้รับความเสียหาย
โดยที่บ้านคันนา ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมือง จังหวัดตราด เกษตรกรหลายราย ลงทุนจ้างรถขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อหาแหล่งมาใช้บรรเทาความเดือนร้อนในเบื้องต้น เพราะสระน้ำของแต่ละสวนนั้น เหลือน้อย บางส่วนน้ำแห้งแทบจะสูบน้ำมารดสวนทุเรียนไม่ได้แล้ว ขณะที่บางสวนไม่มีตาน้ำบาดาล ต้องซื้อน้ำจากเอกชนมาแทน เพื่อไม่ให้ลูกทุเรียนเสียหายจากการขาดน้ำ

นางวารี แจ้งแสง อายุ 72 ปี เกษตรกรสวนทุเรียน ม.4 ตำบลห้วงน้ำขาว กล่าวว่า ในปีนี้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ค่อนข้างรุนแรง เพราะฝนทิ้งช่วงไปนาน ทำให้นำในสระของตนและสระของหมู่บ้านเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้สวนทุเรียนเสี่ยงต่อการขาดน้ำ และหันทางเดียวที่จะช่วยไม่ให้ลูกทุเรียนเสียหายจากการขาดน้ำ คือ เจาะน้ำบาดาล
ซึ่งตนเองต้องลงทุนจ่ายเงินกว่าแสนบาท เพื่อให้ได้นำมาบาดาลมาใช้ และโชคดีที่เจาะน้ำบาดาลเจอตาน้ำพอดี ทำให้ช่วยแบ่งปัญหาน้ำไประดับหนึ่ง หากไม่เจอตาน้ำบาดาล ตนเองคงต้องปล่อยลูกทุเรียนและขอร้องให้ภาครัฐช่วยทำฝนหลวงโดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหลายคนที่กำลังจะไม่มีนำใช้สำหรับสวนผลไม้

ด้านนายณัฏฐวงศ์ ชาวเวียง อายุ 55 ปี เกษตรกรสวนทุเรียน ม.5 ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด บ้านคันนา กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาภัยแล้งถือว่าแย่มาก เพราะไม่มีน้ำส่งมาจากส่วนกลาง ชาวสวนต้องดิ้นรนกันเองทุกสวนหาทางยังไงก็ได้ให้มีน้ำมารดสวนทุเรียน เพราะชาวสวนบำรุงต้น บำรุงลูก มาตลอดทั้งปี สุดท้ายน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งปีนี้เรียกได้ว่า ใกล้จะขาดทุนแน่นอน เพราะผลผลิตเยอะ บางสวนต้องลงทุนบ่อใหม่ เพื่อให้เพียงพอ
ขณะที่สวนตนเองปีนี้จ้างขุดเจาะน้ำบาดาลไปแล้ว 7 บ่อ ค่าขุดเจาะครั้งละ 190,000 บาท เป็นเงินกว่าล้านบาทแล้ว เพื่อนำน้ำบาดาลมาใช้รดสวนทุเรียน แต่ถ้ามีฝนเทียมตกลงจะช่วยพี่น้องชาวสวนทุเรียนได้มากขึ้น เพราะตอนนี้ทุกบ้านทุกสวน ระดับน้ำในสระแห้งเข้าใกล้วิกฤตแล้ว และข้อร้องให้จังหวัดทำยังไงก็ได้ให้ส่งน้ำมายังพื้นที่ตำบลห้วงน้ำขาว เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร
ขณะที่นายนายถาวร ถวิลวงษ์ นายก อบต.ห้วงน้ำขาว นายบุญยิ่ง สิงห์พันธ์ รอง นายก อบต.ห้วงน้ำขาว พร้อมเจ้าหน้าที่ชลประทานตราด ได้นำรถน้ำอบต.ห้วงน้ำขาวและรถน้ำชลประทานตราด มาดูน้ำจากสระกลางตำบลห้วงน้ำขาว ที่มีความลึก 11 เมตร ซี่งปัจจุบันมีน้ำเหลือเพียง 3 เมตรเท่านั้น เพื่อน้ำไปส่งให้กับสวนทุเรียนที่กำลังขาดน้ำ โดยเฉพาะชาวบ้านในหมู่ 3 บ้านอ่าวกรูด และหมู่ 4 บ้านห้วงน้ำขาว เนื่องจากทั้ง 2 หมู่ ขาดน้ำเพื่อการเกษตรหนักกว่า หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 5

ซึ่งปัจจุบันสระกลางตำบลห้วงน้ำขาว จะมีรถน้ำของเอกชน รถน้ำอบต.ห้วงน้ำขาวและรถน้ำชลประทานตราด บรรทุกน้ำวันละ 120 เที่ยวต่อวัน หรือ 700,000 -800,000 ลิตรต่อวัน นำไปส่งให้กับพี่น้องเกษตรในพื้นที่ 5 หมู่บ้าน ของตำบลห้วงน้ำขาว โดยเอกชนจะต้องจ่ายเงินค่าไฟค่าน้ำ เที่ยวละ 100 บาท
โดยสระกลางตำบลห้วงน้ำขาว อบต.ห้วงน้ำขาว จะดูดน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองโบสถ์ ต.หนองคันทรง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร วันละ 12 -18 ชั่วโมง เพิ่มน้ำลงสระกลางตำบลห้วงน้ำขาว นอกจากนี้ยังดูดน้ำจากน้ำบาดาลอีกด้วย
นายนายถาวร กล่าวว่า สาเหตุของปัญหาภัยแล้งของตำบลห้วงน้ำขาวนั้น สาเหตุหลักมาจากภาวะโลกร้อน อีกส่วนหนึ่งมาจากที่เกษตรกร หันมาปลูกทุเรียนเพิ่มมากขึ้น เพราะช่วงฤดูผลผลิตออกสู่ท้องตลาด ทุเรียนจะต้องการน้ำเยอะที่สุด ทำให้น้ำไม่เพียงพอ เพราะบางสวนไม่มีแหล่งน้ำที่เพียงต่อ ทางอบต.ห้วงน้ำขาว รถน้ำชลประทาน และรถน้ำเอกชน ได้เข้ามาช่วยเหลือเร่งนำน้ำไปให้พี่น้องเกษตรกร

ซึ่งตอนนี้สวนไหนขาดน้ำ 1-2 วัน ก็ส่งผลต่อทุเรียนทันที จะทำให้ทุเรียนไม่ได้คุณภาพ เมื่อไม่ได้คุณภาพพ่อค้าคนกลางจะกดราคาทันที แม้ว่าจะเร่งนำน้ำแจกจ่ายให้กับเกษตรกรแล้ว แต่ก็ไม่ทันต่อความต้องการของเกษตรกร และอยากขอร้องให้จังหวัดเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้นำน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขาระกำ มายังพื้นที่ตำบลห้วงน้ำขาวได้ให้ เพราะตำบลห้วงน้ำขาวและตำบลอ่าวใหญ่ที่มีพื้นที่ติดกัน สามารถสร้างรายได้จากทุเรียนในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี
นายประสิทธิ์ ถวิลวงษ์ เกษตรกรสวนทุเรียน ม.3 ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด กล่าวว่า ในปีนี้เป็นภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดท้ายในรอบ 7 ปี เพราะน้ำในสระไม่พอใจ น้ำบาดาลก็ไหลไม่มาก ทำให้ลูกทุเรียนไม่โต เพราะช่วงนี้ทุเรียนต้องการน้ำเยอะ ยิ่งรดน้ำไม่ถึงจะทำให้ลูกทุเรียนไม่เบ่งพู ซึ่งปกติจะเป็นลูกทุเรียนจะมี 3-4 พู
และเมื่อขาดน้ำทุเรียนจะเหลือแค่ 2 พู ทำให้ทุเรียนเป็นตกไซร์ไปราคาจะเหลือเพียง 60-70 บาท เท่านั้น จากปกติจะเหมาตัดประมาณ 200 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ในปีนี้ชาวสวนจะได้ผลตอบแทนน้อยลงหรืออาจะขาดทุนด้วยซ้ำ ตนเองอยากจะให้จังหวัดช่วยพันน้ำเข้ามายังตำบลห้วงน้ำขาวอย่างเร่ง ซึ่งตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะแล้งขนาดนี้ เพราะฝนไม่ตกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
